จับมือสามัคคี

สามัคคีธรรมนำไทยสู่ชัยชนะ

แชร์ให้เพื่อนเลย

พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ใน วินัยปิฎก จุลลวรรค ความว่า

สุขา สงฺฆสฺส สามคฺคี   สมคฺคานญฺจนุคฺคโห

สมคฺครโต ธมฺมฏฺโฐ     โยคกฺเขมา น ธํสติฯ

สงฺฆํ สมคฺคํ กตฺวาน     กปฺปํ สคฺคมฺหิ โมทตีติฯ

     ความพร้อมเพรียงของหมู่ ให้เกิดสุข การสนับสนุนผู้พร้อมเพรียงกัน เป็นเหตุแห่งความสุข บุคคลผู้ยินดีในความพร้อมเพรียง ตั้งมั่นอยู่ในธรรม ย่อมไม่เสื่อมจากธรรมอันเกษมจากโยคะ นรชนผู้สมานหมู่คณะ ให้พร้อมเพรียงกันแล้ว ย่อมบันเทิงในสุคติสวรรค์ตลอดกัป”

คณะภิกษุสงฆ์ประชุมพร้อมกันในโบสถ์ : วันมหาปวารณา ปี 2563

ในสมัยพุทธกาล มีแคว้นหนึ่งชื่อแคว้นวัชชี

วัชชีเป็นประเทศเล็กๆ ประชาชนอยู่เย็นเป็นสุข และมีความอุดมสมบูรณ์มาก

เมืองใหญ่ๆต่างอยากได้เป็นเมืองขึ้น

แต่ไม่ว่าจะยกทัพมาคราใด ก็โดนตีพ่ายย่อยยับกลับไปทุกครั้ง

พระบรมศาสดาทรงตรัสสรรเสริญไว้ว่า

“เมื่อใดที่ชาววัชชีหมั่นประชุมกัน เมื่อนั้นพึงหวังความเจริญได้อย่างแน่นอน”

“เมื่อชาววัชชีพร้อมเพรียงกันประชุม เมื่อเลิกก็พร้อมเพรียงกันเลิก และพร้อมเพรียงกันทำกิจที่ควรทำ พึงหวังความเจริญได้ ไม่มีความเสื่อมแน่นอน”

“ชาววัชชีจักไม่บัญญัติสิ่งที่ยังไม่บัญญัติ ไม่เพิกถอนสิ่งที่บัญญัติไว้แล้ว จักประพฤติมั่นอยู่ในธรรมของชาววัชชี ที่ได้ประพฤติปฏิบัติกันมาเป็นเวลายาวนาน เมื่อนั้น ชาววัชชีพึงหวังความเจริญได้อย่างแน่นอน

ตราบใดชาววัชชียังสักการะ เคารพนับถือบูชาผู้ใหญ่ซึ่งมีคุณธรรม และให้ความสำคัญกับถ้อยคำของท่านเหล่านั้นว่า เป็นคำที่ควรเชื่อฟัง ควรปฏิบัติตามด้วยความเคารพ เมื่อนั้นชาววัชชีพึงหวังความเจริญได้แน่นอน ไม่มีความเสื่อมเลย

“ถ้าชาววัชชีไม่ข่มเหงรังแกหญิงในตระกูล ชาววัชชีพึงหวังความเจริญได้แน่นอน ไม่มีความเสื่อมเลย”

“ตราบใดที่ชาววัชชียังสักการะ เคารพนับถือบูชาเจดียสถานทั้งภายในและภายนอก ไม่ลบล้างประเพณีที่ดีงาม ซึ่งเคยปฏิบัติต่อเจดียสถานเหล่านั้น ตราบนั้นชาววัชชีก็จะมีแต่ความเจริญรุ่งเรือง”

นี่คืออปริหานิยธรรมทั้งเจ็ดประการ

“ถ้าชาววัชชีหรือใครก็ตามปฏิบัติตนตามหลักธรรมนี้ จะไม่มีความเสื่อมแน่นอน”

ภายหลัง วัสสการพราหมณ์ใช้อุบายวางแผนยุแหย่เจ้าวัชชีให้แตกแยก

สร้างความหวาดระแวงซึ่งกันและกัน

จากที่เคยปฏิบัติหัวข้อธรรมทั้งเจ็ดประการ ก็ย่อหย่อนลงทุกวันๆ

จากชาววัชชีที่สามัคคีกัน ก็ทะเลาะวิวาทกันเป็นประจำ

ที่เคยเข้มแข็งก็อ่อนแอลง

เมื่อภายในแตกร้าว ภายนอกก็เปราะบาง

กองทัพแคว้นมคธของพระเจ้าอชาตศัตรู

จึงสามารถยึดครองเมืองวัชชีได้อย่างง่ายดาย

ประเทศไทย…

เป็นประเทศเล็กๆ

เป็นประเทศกำลังพัฒนา

เป็นประเทศที่เศรษฐกิจตกต่ำ

บุคลากรสาธารณสุข และอุปกรณ์ทางการแพทย์ก็ไม่เพียงพอ

กลับได้รับการยกย่องว่าสามารถรับมือกับสถานการณ์เชื้อไวรัสโควิด-๑๙

ได้ดีเป็นอันดับต้นๆของโลก

เราได้เห็นคนไทยพร้อมใจหยุดเชื้อเพื่อชาติอยู่กับบ้าน

เมื่อต้องออกจากบ้าน

ทุกคนใส่หน้ากาก พกพาเจลล้างมือ

มีระยะห่างทางสังคม

มีการตรวจวัดไข้และทำความสะอาดมือก่อนเข้าสถานที่ต่างๆ

ทุกคนพร้อมใจปฏิบัติตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด

ยังเห็นภาพวัดและประชาชนช่วยกันบริจาคหน้ากาก ชุดกันเชื้อ PPE และอุปกรณ์ทางการแพทย์ เพื่อให้บุคลากรสาธารณะสุข เป็นทัพหน้ารับมือกับเชื้อโควิด ๑๙ ได้อย่างเต็มที่

หลายคนเย็บหน้ากากผ้าแจกจ่ายกัน

บ้างก็ระดมทุนแจกถุงยังชีพ แจกข้าวกล่อง แจกเงินเยียวยาผู้ขาดรายได้

เมื่อใครหรือหน่วยงานไหนต้องการความช่วยเหลือ

ทุกฝ่ายก็ช่วยกันอย่างสุดความสามารถ

นี่คือภาพความสามัคคีของคนไทย ที่หาดูได้ยากจากที่อื่นๆ

ประเทศไทยอยู่ในร่มเงาพระพุทธศาสนา

ชาวพุทธจำนวนมาก ทำตามหลักวิชชาของพระบรมศาสดา

ยังใส่บาตร ปฏิบัติธรรม ฟังธรรม 

สวดมนต์บทธรรมจักร ทอดกฐิน ทอดผ้าป่า เติมบุญให้ประเทศไม่ขาด

คนไทยผ่านพ้นวิกฤตการครั้งนี้ก็ได้ด้วยอปริหานิยธรรมทั้งเจ็ดประการนี้เช่นกัน

ตอนนี้สถานการณ์การเมืองไทยกำลังร้อนระอุ

มีภาพการชุมนุมให้เห็นทุกวัน

มีการขัดแย้งทางความคิดเห็น

มีการด่าทอในสังคมออนไลน์อย่างหนัก

ประชาชนเริ่มแบ่งเป็นฝักเป็นฝ่ายอีกครั้ง

สถานการณ์น่าเป็นห่วง

ภาพปัญหาความขัดแย้ง

อย่าลืมว่า ตอนนี้ไวรัสโควิด-๑๙ ล้อมประชิดไทยจากทุกทิศทุกทาง

ยามใดสถานการณ์การเมืองลุกลามกลายเป็นความแตกสามัคคี

ทำให้คนไทยย่อหย่อนจากอปริหานิยธรรมทั้งเจ็ดประการ

วันนั้นไทยก็จะไม่ต่างอะไรกับตอนอวสานของแคว้นวัชชี

ไวรัสโควิด-๑๙ ศัตรูที่มองไม่เห็น

ก็พร้อมที่จะตีฝ่าแนวป้องกันเข้ามา จะระบาดไปทั่ว จะคร่าชีวิต

และสร้างความเสียหายอย่างรุนแรง

จึงขอหยิบยกข้อคิดของหลวงพ่อคุณครูไม่ใหญ่

ที่อาจจะนำมาใช้ในการแก้ไขความขัดแย้งในครั้งนี้ได้

“ความสามัคคีเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน

เป็นคุณธรรมที่สำคัญในการอยู่ร่วมกันเป็นหมู่คณะใหญ่อย่างมีความสุข

เป็นปราการด่านสำคัญที่สุด..

ในการที่จะทำให้สังคมประเทศชาติ มีความมั่นคงและปลอดภัย ไม่ถูกข้าศึกรุกราน หรือถูกแทรกแซงให้บ้านเมืองระส่ำระสาย

ความสามัคคี..เป็นยิ่งกว่าป้อมปราการของบ้านเมืองที่สูงตระหง่านเสียดฟ้า

เพราะเป็นประดุจป้อมปราการหรือกำแพงเมืองที่มีชีวิตจิตใจ

ที่ทุกคนต่างมีความเข้มแข็ง พร้อมที่จะเสียสละรักษาประเทศชาติ

แม้ข้าศึกจะมีพลังอำนาจ มีความสามารถมากมายเพียงไร แต่ก็ไม่สามารถทลายกำแพงแห่งความสามัคคีของหมู่คณะไปได้

ความสามัคคีของหมู่คณะจึงนำสุขมาให้

ภาพประกอบสังคมแบ่งปัน

นักปราชญ์บัณฑิตทั้งหลาย

จึงยินดีในสามัคคีธรรม และสนับสนุนให้หมู่คณะรู้รักสมัครสมาน

“หากขาดความสามัคคี นั่นเปรียบเสมือนลางร้ายว่า

ความเสื่อมสลายกำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้า”

การแตกความสามัคคี จึงเป็นสัญญาณของความหายนะ 

การทะเลาะวิวาทกัน เป็นปากทางแห่งความเสื่อม

บัณฑิตจึงสนับสนุนความพร้อมเพรียงกันของหมู่คณะ

ความสามัคคีค้ำจุนประเทศชาติและโลกนี้ทีเดียว

ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ

ถ้าประเทศใดไม่เห็นความสำคัญของอปริหานิยธรรม ดังที่กล่าวมาแล้ว

ความวัฒนาถาวรของประเทศชาติก็อยู่ได้ไม่นาน   “

“ดังนั้น ถ้าเราปรารถนาความเจริญในชีวิต

ขอให้ประพฤติปฏิบัติตาม  หลักอปริหานิยธรรม

ถ้าทุกๆ คนในโลก เริ่มหันหน้ามาพูดคุยกันด้วยน้ำใสใจจริง

มีสามัญสำนึกของความเป็นเจ้าของโลกใบนี้

แล้วแสวงจุดร่วมสมานจุดต่าง

มีใจเป็นหนึ่งเดียวกัน มีสามัคคีธรรม

เมื่อนั้น ความใฝ่ฝันร่วมกันของทุกคน

ที่จะเห็นโลกมีสันติสุขอย่างแท้จริง จะสำเร็จสมปรารถนาอย่างง่ายดาย

เป็นความเจริญถ้วนหน้าทั้งทางวัตถุ และจิตใจที่ไปพร้อมๆ กัน

ไม่ขัดแย้งกัน”

ที่มาภาพและเนื้อหา

คิดอย่างไรกับเรื่องนี้